วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2563

ความเชื่อกลบทสิริวิบุลกิติ


ความเชื่อกลบทสิริวิบุลกิติ
       
           ๑.     ความเชื่อทศพิธราชธรรม



        ในเรื่องกลบลสิริวิบุลกิติมีความเชื่อในเรื่องทศพิธราชธรรมในตอนที่ท้าวยศกิติจึงรับสั่งแก่มเหสีและบรรดา  สนมหมื่นหกพันนางว่า หากใครมีโอรสก็จะได้เลื่อนฐานะเป็นเอกอัครมเหสี นางศิริมดีได้สมาทานศีลและตั้งสัจอธิษฐานว่าหากรักษาศีลได้ไม่บกพร่องขอให้ได้มีโอรสดังเช่นในอดีตมีพระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่งที่ทรงเป็นตัวอย่างของคุณธรรมสิบประการของผู้ปกครองคือพระเจ้าอโศกมหาราช (พ.ศ. ๒๓๙-พ.ศ. ๓๑๑) ซึ่งปกครองอินเดียมา ๔๑ ปี ในช่วงต้นของรัชกาลทรงเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ชนะการต่อสู้หลายครั้งและยังคงขยายอาณาจักรอินเดียในช่วงแปดปีแรกของการครองราชย์ของพระองค์ หลังจากการสู้รบอย่างนองเลือด ครั้งหนึ่งกษัตริย์ได้ทรงเล็งเห็นชัยชนะของกองทัพของพระองค์และได้ทรงเห็นการสังหารรอบ ๆ พระองค์อย่างมีชื่อเสียงแล้วทรงตรัสออกมาว่า "ข้าฯได้ทำอะไรไปแล้ว?" ต่อจากนั้นเขาเลื่อมใสพระพุทธศาสนา เป็นที่รู้จักในนาม 'ธรรมาโศก' หรือ "อโศกผู้ถือธรรมะ" พระองค์ทรงให้ความสำคัญกับการโปรดสัตว์ มีการสร้างโรงพยาบาลและมหาวิทยาลัยเพื่อให้ผู้คนและสัตว์ และสร้างระบบชลประทานเพื่อการค้าและการเกษตร พระราชายังสละการใช้ความรุนแรงยุติการสู้รบทางทหารกับเพื่อนบ้านของพระองค์แทนที่จะส่งพระภิกษุและแม่ชีไปต่างประเทศเพื่อเผยแผ่คำสอนทางพุทธศาสนาเกี่ยวกับภูมิปัญญาและความเมตตา อันที่จริงพระราชโอรสและพระราชธิดาของพระเจ้าอโศกมหาราชที่เป็นพระภิกษุและภิกษุณีพาพระพุทธศาสนาไปยังศรีลังกาซึ่งยังคงเป็นความเชื่อที่โดดเด่นมาจนถึงทุกวันนี้ นี่ไม่ได้เป็นการบอกว่าพระองค์ทรงส่งเสริมพระพุทธศาสนาด้วยพระราชทรัพย์ของศาสนาอื่น ๆ อย่างไรก็ตามในขณะที่พระองค์ยังทรงสนับสนุนความอดทนและความเข้าใจระหว่างลัทธิต่าง ๆ และกลุ่มชาติพันธุ์ พระอโศกมหาราชนั้นเป็นที่จดจำของบรรดาพุทธศาสนิกชนและผู้ที่ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธเหมือนเป็นตัวอย่างของผู้ปกครองที่มีความเห็นอกเห็นใจและความยุติธรรมผู้ซึ่งอาศัยอยู่ตามคุณธรรมของผู้ปกครองทั้งสิบประการ

๒.ความเชื่อเรื่องความกตัญญู

ในเรื่องกลบลสิริวิบุลกิติมีความเชื่อในเรื่องความกตัญญูในตอนที่สิริวิบุลกิติได้ลามารดาเพื่อไปช่วย
ท้าวยศกิติเมื่อไปถึงท้าวยศกิติ์กำลังจะถูกประหารชีวิต สิริวิบุลกิติเข้าไปขอให้เพชฌฆาตประหารตนแทน เกิดเหตุมหัศจรรย์เมื่อเพชฌฆาตจะใช้ดาบประหารสิริวิบุลกิติดาบก็หัก เพชฌฆาตได้รับคำสั่งให้นำช้างไปเหยียบ ช้างกลับหันหน้าหนีไม่ยอมเหยียบ เพชฌฆาตได้รับคำสั่งให้ขุดหลุมและจุดไฟเผาสิริวิบุลกิติในหลุม ก็ปรากฏว่ามีดอกบัวผุดขึ้นมารองรับ เพชฌฆาตได้รับคำสั่งให้นำสิริวิบุลกิติไปทิ้งลงเหว ด้วยบุญญานุภาพที่สร้างสมไว้
       กตัญญู เป็นธรรมอันเป็นมงคลที่ ๒๕ ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้โดยเน้นให้นำไปพัฒนาคุณสมบัติของคนดีแปลตามตัวหนังสือคือผู้รู้ว่า คนอื่นทำความความดีอะไรไว้แก่ตนบ้าง เอาความหมายสั้นๆ ว่า "ผู้รู้คุณคน" การรู้บุญคุณคนหรือรู้อุปการคุณที่ผู้อื่นทำให้ตนเองนับถือเป็นหลักแห่งความยุติธรรมและความเป็นธรรมอย่างหนึ่งในสังคมมนุษย์ เพราะเป็นการสอดคล้องกับหลักคำสอนว่า การทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ มีคนทำดีให้กับเราแล้ว และเราได้รับผลประโยชน์จากการทำดีของเขา เป็นต้นว่า ได้ลาภ ยศ สรรเสริญ และความสุข แต่เรารับรู้แต่ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นแก่ตน ไม่รับรู้คุณความดีของเขา ย่อมถือได้ว่าไม่ยุติธรรมต่อกัน

๓.ความเชื่อเรื่องพญานาคราช





                     เเหล่งที่มา https://www.youtube.com/watch?v=nab_0oMzGXo
         ในเรื่องกลบลสิริวิบุลกิติมีความเชื่อในเรื่องพญานาคราช ในตอนที่พญานาคจึงยกทัพมาช่วย แผ่นดินได้แยกเป็นช่องสูบเจ้าเมืองผู้โหดร้ายลงไปในนรกอเวจี 
          ตำนานความเชื่อเรื่องพญานาคมีความเก่าแก่มาก ดูท่าว่าจะเก่ากว่าพุทธศาสนาอีกด้วย สืบค้นได้ว่ามีต้นกำเนิดมาจากอินเดียใต้ ด้วยเหตุจากภูมิประเทศทางอินเดียใต้เป็นป่าเขาจึงทำให้มีงูอยู่ชุกชุม และด้วยเหตุที่งูนั้นลักษณะทางกายภาพคือมีพิษร้ายแรง งูจึงเป็นสัตว์ที่มนุษย์ให้การนับถือว่ามีอำนาจ ชาวอินเดียใต้จึงนับถืองู

๔.ความเชื่อเรื่องความไม่จีรัง

ในเรื่องกลบลสิริวิบุลกิติมีความเชื่อในเรื่องความไม่จีรังในตอนที่โหรทูลว่านางจะมีโอรสที่มีเกียรติยศสูงยิ่ง แต่นางจะต้องพลัดพรากจากบ้านเมือง พลัดพรากจากสามีและบุตรและเสียชีวิตด้วยและตอนที่ ท้าวยศกิติได้มอบราชสมบัติให้โอรส สิริวิบุลกิติกลับไปป่าเพื่อรับมารดา แต่นางศิริมดีเศร้าโศกเสียใจจนเสียชีวิตไปก่อน
เราต่างรู้ว่าชีวิตคนเรา ไม่จีรังยั่งยืน มีเกิด มีแก่ มีเจ็บ มีตาย รวมไปถึงเรื่องอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทอง หรือชื่อเสียง ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ไม่มีสักอย่างที่ยังคงอยู่ตลอดไป แม้ตัวได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว ถึงจะเป็นบุคคลสำคัญระดับโลกก็ตาม คนอาจจะพูดถึงในช่วงแรกๆ แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็จะเลือนหายไปช้าๆ เราควรปฏิบัติตนอย่างไรเพื่อเตรียมรับมือกับความไม่จีรังยั่งยืน




                เเหล่งที่มา

              1..ttps://www.dol.go.th/ethics/Pages/%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%9E%E0%
2..https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/122431.html
4. https://www.sanook.com/horoscope/17105


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สรุป

สรุป กลบทสิริวิบุลกิติ ประวัติและที่มา            กลบทสิริวิบุลกิตติเป็นวรรณคดีที่เป็นหนังสือกลอนเรื่องแรกในสมัยอยุธยา ได้เค้าโคร...